วันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2555

พระครูภาวนาภิมณฑ์ วัดโพธิ์ทรายทอง

Image
พระครูภาวนาภิมณฑ์
วัดโพธิ์ทรายทอง  ต.ละหานทราย  อ.ละหานทราย  จ.บุรีรัมย์

ชาติกำเนิด พระครูภาวนาภิมณฑ์ หรือหลวงปู่สุข ธมฺมโชโต เดิมชื่อ สุข นามสกุล ยอดเยี่ยมแกร เป็นบุตรของ นายโฮ และนางแฮม ยอดเยี่ยมแกร อาชีพทำนา ท่านเป็นบุตรคนที่ ๔ เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๕ เดือนเมษายน พ.ศ. ๒๔๒๑ แรม ๕ ค่ำ ปีเถาะ เกิดที่บ้านละหานทราย หมู่ที่ ๒ อำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ มีพี่น้องร่วมสายโลหิตจำนวน ๖ คน หลวงปู่สุขเป็นคน ที่ ๔

การศึกษาในสมัยนั้นการเรียนหนังสือต้องอาศัยวัด อำเภอละหานทราย ยังเป็นเมืองเล็ก ๆ อยู่ในป่าดงพงพี ถนนหนทางก็ไม่สะดวก เด็กชายสุข เรียนหนังสือขอมที่วัดโพธิ์ทรายทอง จนสามารถ อ่านออกเขียนได้ เมื่ออายุ ๑๗ ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดโพธิ์ทรายทอง บรรพชาอยู่ได้ ๕ พรรษา

การอุปสมบท
เมื่ออายุได้ ๒๑ ปี จึงอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดโพธิ์ทรายทอง ตำบลละหานทราย อำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ (เป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่งที่มีมาตั้งแต่ สมัยยุคต้นรัตนโกสินทร์) ในวันพุธที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๔๒ ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๗ ปีกุน มีเจ้าอธิการนิ่ม วัดสายน้ำไหล เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการกลิ่น เป็นพระกรรมวาจารย์ พระอธิการเกิดเป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “ธมฺมโชโต” แปลว่า แสงสว่างแห่งธรรม เมื่อหลวงปู่สุขท่านอุปสมบทท่านก็ได้จำพรรษาอยู่ที่วัดโพธิ์ทรายทอง ซึ่งในสมัยนั้นยังไม่มีโรงเรียนปริยัติธรรมแต่ท่านก็ได้ศึกษาพระธรรมวินัยซึ่งเป็นภาษาขอม จนมีความรู้แตกฉานสามารถอ่านออกเขียนได้เป็นอย่างดี
ด้านวิปัสสนากัมมัฏฐาน ท่านได้เรียนกับ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ผู้นำกองทัพธรรมฝ่ายวิปัสสนากัมมัฏฐานแห่งภาคอีสาน ซึ่งกล่าวกันว่าหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านสำเร็จอรหันต์ เป็นอาจารย์ใหญ่ของพระป่า สายธรรมยุติ  และด้านพระเวทย์วิทยาคมต่าง ๆ ท่านได้ศึกษากับ พระอาจารย์อินทร์ ภิกษุชาวเขมรซึ่งได้ธุดงค์มาจากเมืองศรีโสภณ และได้มาสร้างวัดหนองติม อยู่ในเขต อ.ตาพระยา ซึ่งเดิมขึ้นอยู่กับ จังหวัดปราจีนบุรี
หลวงปู่สุข ธมฺมโชโต เป็นพระอริยสงฆ์ สุปฏิปันโน มีวัตรปฏิบัติที่งดงามสมเป็น “พระแท้” อย่างแท้จริงสมควรค่าแก่การกราบไหว้บูชา ท่านเคร่งในพระธรรมวินัยถือการปฏิบัติ เจริญวิปัสสนากัมมัฎฐาน เจริญรอยตามคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กำหนดองค์ภาวนาทุกลมหายใจเข้า ออก ท่านสำเร็จญาณสมาบัติขั้นสูงเรียกว่า “อภิญญา”
อภิญญา คือ ความรู้ชั้นสูงในพุทธศาสนา ซึ่งได้จากการปฏิบัติทางด้านวิปัสสนาธุระ มีอยู่ ๖ ประการด้วยกันคือ
๑. อิทธิวิธี แสดงฤทธิ์ได้
๒. ทิพยโสต หูทิพย์
๓. เจโตปริยญาณ รู้จักกำหนด รู้ใจผู้อื่น
๔. ปุพเพนิวาสานุสติ ระลึกชาติได้
๕. ทิพจักขุ ตาทิพย์
๖. อาสวักขยญาณ รู้จักทำอาสวะให้สิ้น
ด้วยวัตรปฏิบัติที่ดีงาม ความสำเร็จทั้งหลายเหล่านี้ ทำให้ชาวบ้านเล่ากันปากต่อปาก ถึงกับมีผู้เลื่อมใสหลวงปู่ ในหลายจังหวัดเดินทางมากราบมนัสการและสนทนาธรรมอยู่อย่างเนืองนิตย์ถนนหนทางในสมัยนั้น การคมนาคมยังไม่เจริญเท่าทุกวันนี้ บางคน บางคณะอาจต้องค้างแรมกันหลายคืนทั้งยังบุกป่าฝ่าดงเผชิญกับสัตว์ป่าดุร้ายมากมาย แต่กลุ่มผู้ศรัทธาก็ไม่ยอมย่อท้อ ต่อความยากลำบาก เดินทางมาจนถึงตัวท่านให้ท่านเป่ากระหม่อมบ้าง รดน้ำมนต์บาง เพื่อความเป็นสิริมงคล

Image 

ตำแหน่ง และสมณศักดิ์ (ประวัติการปกครอง)พ.ศ. ๒๕๘๒ ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ทรายทอง (เป็นเจ้าอาวาส ๓๓ ปี)
พ.ศ. ๒๕๙๘ เป็นเจ้าคณะตำบลละหานทราย
พ.ศ. ๒๔๙๙ เป็นพระอุปัชฌาย์
พ.ศ. ๒๕๑๓ ได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูภาวนาภิมณฑ์
พ.ศ. ๒๕๑๕ มรณภาพ (๓๑ ธันวาคม ๒๕๑๕) รวมสิริอายุได้ ๙๕ ปี
กิจวัตรประจำที่หลวงปู่สุข ธมฺมโชโต ถือปฏิบัติเป็นนิจ (ปฏิปทาพิเศษ)
ท่านมีความอดทนเป็นเลิศ แม้ยามเจ็บป่วย (อาพาธ) ไม่เคยปริปาก หรือบ่นให้ใครรู้ท่านล่วงรู้กาลมรณภาพล่วงหน้า ในวันสารท แรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ ปี พ.ศ. ๒๕๑๕ อายุล่วงได้ ๙๕ ปี หลวงปู่ได้หกล้ม ทำให้กระดูกต้นขาของท่านหลุดจากสะโพก ท่านทราบว่ากาลมรณสังขารใกล้สิ้นสุดแล้ว ท่านก็ไม่ปริปากบอกใครให้ทราบถึงอาการ เจ็บป่วยของท่านนั้นรักษาไม่หายหรอก มันเป็นเรื่องของสังขารเพราะท่านจะมรณภาพแล้ว ตลอดเวลาที่ท่านเจ็บป่วย ท่านไม่เคยโอดครวญหรือแสดงกิริยาอาการเจ็บปวดให้ใครเห็น ท่านใช้ขันติ และพิจารณาสังขารของท่านในช่วงวาระสุดท้ายของชีวิต
การถือธุดงค์วัตร เมื่อยามที่ท่านยังแข็งแรงอายุยังไม่สูงวัย ท่านถือธุดงค์วัตรเป็นนิจโดยท่านจะเดินธุดงค์หลังจากออกพรรษาแล้ว ไปประเทศเขมรผ่านทางวัดหนองติม อำเภอตาพระยา จังหวัดปราจีนบุรี เพื่อบำเพ็ญจิตและศึกษาวิชาเพิ่มเติม การเดินทางของท่านเป็นที่น่าอัศจรรย์ เพราะท่านเดินทางได้เร็วมาก มีผู้กล่าวว่าท่านสำเร็จวิชาย่นระยะทางไป – กลับ ได้ภายในวันเดียว
การสอนวิปัสสนากัมมัฏฐาน ในด้านสืบสานพระพุทธศาสนา ท่านจะเคร่งในวัตรปฏิบัติจะนำพุทธศาสนิกชนทำบุญและถืออุโบสถศีลทุกวันพระ อบรมธรรม และฝึกฝนจิตด้านสมถกัมมัฏฐานให้กับพุทธบริษัท หลวงปู่สุข ธมฺมโชโต ท่านนิยมสอนสมถกัมมัฏฐานและวิปัสสนากัมมัฏฐานให้กับบุคคลโดยทั่วไป ผู้ถือศีล สามเณร และพระภิกษุ โดยท่านจะให้ผู้ขอขึ้นกัมฏฐานกับท่านใช้องค์ภาวนาและใช้คาถา “อะ อา แอ๊ก ไอ นะ นู เน นิ นัง” ซึ่งเป็นภาษาเขมร
ด้วยเหตุและผลดังกล่าวจึงไม่น่าแปลกแต่อย่างใดเลยที่หลวงพ่อสุข ธมฺมโชโต จักทรงคุณวิเศษและแสดงให้แจ้งประจักษ์แก่สาธุชนท่านยังสำเร็จ วิชาสรตโสฬร คือ สามารถกำหนดรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า ความศักดิ์สิทธิ์ ความแม่นยำในการทำนายทายทักเหตุการณ์ต่าง ๆ ไว้ล่วงหน้าได้จริงเหมือนตาเห็น สามารถที่จะแสดงอิทธิฤทธิ์ตลอดจนคุณวิเศษต่าง ๆ ได้นานัปการ เช่น การล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า การรู้วาระจิตบุคคลอื่น เป็นต้น วิชาดังกล่าว เป็นวิชาที่มีจริง จะบังเกิดเฉพาะท่านที่ปฏิบัติทางวิปัสสนาธุระ จนกระทั่งได้ญาณสมาบัติขั้นสูงเท่านั้น
อภินิหาร พุทธาคม และความศักดิ์สิทธิ์ที่เล่าสืบทอดกันมา

ชุบชีวิตนก
ครั้งหนึ่งหลวงปู่ได้รับกิจนิมนต์ไปยังต่างอำเภอต้องเดินตามทางเกวียน ขณะเดินทางผ่านป่าละเมาะก็ได้พบนกประปูดตัวหนึ่ง นอนดิ้นทุรนทุรายอยู่ข้างทางหลวงปู่จึงให้ตาเมอะไปอุ้มนกกระปูด  และถามว่านกมันเป็นอะไร ตาเมอะก้มลงอุ้มนกมาตรวจสอบพบว่ามันถูกยิงใกล้จะสิ้นใจ หลวงปู่จับนกกระปูดมาไว้ในอุ้งมือ แล้วบริกรรมคาถาพึมพำ เมื่อภาวนาคาถาจบท่านเอามือจับ ขานกแล้วดึงให้ตึงแล้วท่านก็โยนนกขึ้นฟ้า นกตัวนี้ก็สามารถบินได้ และบินจากไปอย่างไม่น่าเชื่อ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาคุณตาเมอะ นับเป็นเหตุการณ์มหัศจรรย์ที่น่าพิศวง งง งวยไม่น่าจะเป็นไปได้ และคุณตาเมอะก็จดจำเรื่องดังกล่าวไว้ติดตาตรึงใจเล่าขานกันต่อมา

ขโมยของเอาไปไม่ได้
หญิงสาวมาจากอำเภอตาพระยามาช่วยงานบุญที่วัดโพธิ์ทรายทอง ได้เก็บกระเป๋าเสื้อผ้าพร้อมของมีค่าไว้บนกุฎิ ตกเย็นพากันไปอาบน้ำที่บ่อใกล้วัดเมื่อเสร็จจากอาบน้ำมาที่กุฏิเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า ปรากฏว่ากระเป๋าและของมีค่าหายไปต่างร้องไห้ตกใจ ความทราบถึงหลวงปู่ ท่านเสียใจมากที่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นภายในวัด ท่านนั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วเดินไปเอามือทุบพื้นกระดานเบา ๆ ๓ ครั้ง บริเวณที่เคยวางกระเป๋าของกลุ่มสตรีชาวตาพระยาแล้วท่านก็พูดว่า “กระเป๋าไม่หาย เดี๋ยวก็ได้คืน” เช้าวันรุ่งขึ้นมีคนเห็น ชายคนหนึ่งนั่งกอดกระเป๋าอยู่ใต้กุฏิด้วยอาการเหม่อลอยขาดสติ เดินวกไปวนมาอยู่อย่างนั้น หาทางกลับบ้านไม่ถูก เหนื่อยอ่อนหมดแรก ชาวบ้านจึงช่วยกันจับตัวไว้ ได้ของกลางคืนเจ้าของ หลังจากวันนั้นมีผู้ถามชายคนนั้นว่าขโมยของเขาแล้วทำไม่ไม่หนีกลับบ้าน นายห่วงได้บอกว่าก็ได้เดินหนีกลับบ้านแต่เดินเท่าไหร่ก็ไม่ถึงบ้าน และหาทางกลับบ้านไม่เจอ นับเป็นเรื่องแปลก
วัตถุมงคล
Image 
พระเนื้อผง หลวงปู่สุข วัดโพธิ์ทรายทอง พระผงของขวัญ ออกวัดธรรมธีราราม ปี 13 พระเหรียญ หลวงปู่สุข วัดโพธิ์ทรายทอง เหรียญรุ่นสามบล็อคกลาง หลังยันต์สาม ปี 12 พระเหรียญ หลวงปู่สุข วัดโพธิ์ทรายทอง เหรียญอัลปาก้าหลังยันต์ห้า ปี 08
พระเหรียญ หลวงปู่สุข วัดโพธิ์ทรายทอง เหรียญรุ่นเจ็ดสร้างแจกทหาร ปี 15 พระรูปหล่อ หลวงปู่สุข วัดโพธิ์ทรายทอง รูปหล่อ พระรูปหล่อ หลวงปู่สุข วัดโพธิ์ทรายทอง รูปหล่อออกวัดชิโนรส ปี12

ที่มา : http://p.moohin.com/

Image
จาก : วารสารทางหลวง ปีที่ 48 ฉบับที่ 2  มีนาคม - เมษายน 2554

หลวงพ่อจ้อย วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์

Image

หลวงพ่อจ้อย วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์

ตำบลดอนสัก อำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี 

รวบรวมและเรียบเรียง โดย อาทนีย์  ทองสถิตย์

    "สุราษฎร์ธานี" เป็นเมืองเก่าแก่ศูนย์กลางอาณาจักรศรีวิชัย เมืองนี้ถือว่าเป็นศูนย์กลางความเจริญทางศาสนา วัฒนธรรม และการทำมาค้าขาย โดยเฉพาะความเจริญทางด้านศาสนา มีโบราณสถานสำคัญหลายแห่ง นอกจากนี้ยังมีอริยสงฆ์ พระคณาจารย์ พระเกจิอาจารย์ ผู้เรืองอาคมขลังมากมาย สำหรับฉบับนี้ขอกล่าวถึง หลวงพ่อจ้อย วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์ ตำบลดอนสัก อำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี


ประวัติพระกิตติมงคลพิพัฒน์  (หลวงพ่อจ้อย ฐิตปุญโญ) 
      หลวงพ่อจ้อย ฐิตปุญโญ ท่านเป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดเขาสุวรรณประดิษฐ์ และอดีตเจ้าคณะอำเภอดอนสัก วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์ ตำบลดอนสัก อำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี ท่านเจ้าคุณ พระกิตติมงคลพิพัฒน์ ท่านมีนามเดิมว่า จ้อย นามสกุล พันธุ์อุดม ต่อมาท่าน พระครูวอน (ไม่ทราบฉายา) ผู้เป็นอา ได้เปลี่ยนนามสกุลใหม่เป็น ไกรวงศ์ ท่านเกิดเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ.2448 ตรงกับวันพุธ ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 4 ปีมะเส็ง ณ บ้านหัวรอ ตำบลม่วงงาม อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา เป็นบุตร นายนวล - นางห้อง พันธุ์อุดม มีอาชีพกสิกรรม ท่านเป็นบุตรคนเดียวของพ่อแม่
      ท่านได้รับการศึกษาที่ วัดมะขามคลาน ตำบลม่วงงาม อำเภอเมืองสงขลา มีท่านพระครูวอน พุทธสโร เป็นผู้สอน ท่านมีความสนใจใฝ่รู้เป็นอย่างมาก และท่านได้ศึกษาวิชาความรู้ต่าง ๆ เช่น วิชาภาษาไทย ภาษาบาลี อักษรขอม เวทมนตร์ คาถาอาคม โหราศาสตร์ และแพทย์แผนโบราณ

ผลงานการพัฒนาท้องถิ่นของท่าน 
ท่านเจ้าคุณ "พระกิตติมงคลพิพัฒน์" ท่านได้ดำเนินการพัฒนาท้องถิ่นมีเป็นจำนวนมาก จนสามารถกล่าวได้อย่างสนิทใจ และภาคภูมิใจว่า ดอนสักทั้งดอนสัก เจริญรุ่งเรืองเป็นดอนสักได้นั้น ล้วนแล้วแต่เป็นผลงานที่หลวงพ่อจ้อยได้สร้างแทบทั้งสิ้น เพื่อให้เห็นประจักษ์แจ้ง จึงขอจำแนกเป็นด้านต่างๆ ดังนี้
1. ถนน ได้ดำเนินการตัดถนนสายต่าง ๆ ในอำเภอดอนสักหลายสาย โดยท่านเป็นผู้อำนวยการในการตัดถนน และประสานงานกับเจ้าของที่ดิน โดยไม่ต้องมีการเวนคืน เช่น ถนนสายดอนสัก - ขนอม ถนนสายดอนสัก - บ้านใน ถนนสายสวนมะพร้าว - ท้องอ่าว ฯลฯ
2. การไฟฟ้า ท่านเป็นผู้ริเริ่มนำเครื่องปั่นไฟมาใช้ในบ้านดอนสัก และได้ประสานงานกับหน่วยงานและส่วนราชการต่าง ๆ จนในที่สุดมีไฟฟ้าใช้ทั่วทั้งสุขาภิบาลอำเภอดอนสัก
3. การประปา ท่านได้ติดต่อประสานงานกับหน่วยเจาะบาดาล กระทรวงมหาดไทย ต่อมาได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับสั่งให้ดำเนินการเรื่องน้ำหนักให้กับชาวดอนสัก จนทำให้ชาวดอนสักมีน้ำประปาใช้มาจนถึงปัจจุบันนี้
4. สิ่งก่อสร้างภายในวัด ได้แก่ สร้างกุฏิ จำนวน 9 หลัง สร้างศาลาการเปรียญ จำนวน 1 หลัง สร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรม จำนวน 1 หลัง สร้างหอฉัน จำนวน 2 หลัง สร้างอุโบสถ จำนวน 1 หลัง สร้างเมรุ จำนวน 1 หลัง สร้างเจดีย์บรรจุพระบรมธาตุ สร้างอนุสาวรีย์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต 

วัตถุมงคล

      หลวงพ่อจ้อย วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์ สุราษฏร์ธานีเป็นหนึ่งในเกจิสำคัญประจำจังหวัดและเป็นพระนักพัฒนารูปหนึ่งด้วย หลังจากท่านได้บวชและมาประจำอยู่ที่วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์ ท่านได้พัฒนาสาธารณูปโภค น้ำ ไฟฟ้า และอื่นๆให้กับอำเภอดอนสักไว้มากมาย ทางด้านวิทยาคมหลวงพ่อจ้อยท่านได้ศึกษาเรียนรู้ทั้งทางด้านคาถาอาคม โหราศาสตร์ การรักษาแผนโบราณ ฯลฯ ตั้งแต่ท่านยังเป็นฆารวาส เป็นผู้มีความรู้มาตั้งแต่ก่อนบวชและมาศึกษาเพิ่มเติมในภายหลังอีก หลวงพ่อจ้อยได้สร้างวัตถุมงคลไว้พอสมควรเอาไว้แจกลูกศิษย์ลูกหา
Image 
   
      เหรียญนี้สร้างไว้เหมือนปี พ.ศ.2506 แต่เป็นเหรียญหล่อโบราณ รูปแบบเหมือนกับเหรียญปั๊มปี06 องค์นี้เป็นพระหล่อสัมฤทธิ์ บางเฉียบ มีโลหะผสมอยู่มากมาย ห่วงด้านบนหักมาแต่เดิมเพราะความบางของเหรียญ ด้านหน้าตามรูปทางซ้ายมือด้านล่าง จะเห็นเกร็ดทองคำลอยผิวได้ชัดเจน พื้นผิวพระจะมีพรายเงินขึ้น เข้าใจว่าเป็นดีบุกผสมลงมาด้วย ในสมัยก่อนยังพอเห็นเหรียญปั๊มปี06บ้าง แต่เหรียญหล่อแบบองค์นี้ยังไม่เคยได้เห็นเหรียญที่สองเลยครับ ของแท้ ของสวย และหายากมาก

Image

มรณะภาพ

     ท่านเจ้าคุณ " พระกิตติมงคลพิพัฒน์" ได้มรณภาพลงด้วยอาการอันสงบ ซึ่งเป็นธรรมชาติของสังขาร เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2536 อายุ 89 ปี พรรษา 46 ซึ่งคณะศิษยานุศิษย์ทุกระดับชั้น ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน ได้จัดบำพ็ญบุญกุศลถวายท่านอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความกตัญูกตเวที ความสำนึกมั่นในอุปการคุณและคุณูปการที่ท่านมอบไว้ให้เป็นมรดกแก่อนุชนรุ่นหลังอย่างมากมายเหลือที่จะพรรณนาให้หมดได้
     ต่อมา คณะศิษยานุศิษย์ทั่วทุกสาระทิศ ได้ร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจ ร่วมทุนกันจัดสร้าง "มณฑปหลวงพ่อจ้อย" ไว้เป็นอนุสรณ์สถาน เพื่อให้ทุกท่านได้สักการะบูชาที่ "วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์" ตำบลดอนสัก อำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจในอันที่จะสรรค์สร้างคุณงามความดี เจริญรอยตามจริยาอันดีงามของท่าน ซึ่งปัจจุบันมีศิษญานุศิษย์ ข้าราชการ พ่อค้า และประชนหลั่งไหลมาจากทั่วทุกสาระทิศมาสักการะบูชาอยู่ทุกวัน จนแทบจะกล่าวได้ว่า "กลิ่นธูป แสงเทียน ไม่เคยขาดหายไปจากมณฑปหลวงพ่อจ้อย" อย่างแท้จริง
Image
     วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี อยู่ห่างจากชุมชนอำเภอดอนสัก 1 กิโลเมตร ตามเส้นทางสุราษฎร์ธานี-นครศรีธรรมราช (ทางหลวงหมายเลข 401) พระครูสุวรรณประดิษฐ์การ หรือหลวงพ่อจ้อย เกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งภาคใต้เป็นผู้บุกเบิกสร้างขึ้น ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2525 และมรณภาพเมื่อปี พ.ศ. 2536 แต่ยังคงอยู่ใน โลงแก้วภายในอุโบสถ บนยอดเขายังเป็นที่ประดิษฐานพระเจดีย์ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งได้มาจากวัดพระเกียรติ อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ รถสามารถขึ้นถึงบนยอดเขาได้
Image
Image
Image

อ้างอิงจาก : http://www.muangkondee.com/ 
Image
 จาก : วารสารทางหลวง ปีที่ 48 ฉบับที่ 3 พฤษภาคม - มิถุนายน  2554